วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

Top 8 Free Download Manager(ฟรี 8 โปรแกรมจัดการดาวน์โหลดไฟล์)!!!

สำหรับนักดาวน์โหลดแล้ว โปรแกรมจัดการ การดาวน์โหลดไฟล์ ถือได้ว่าเป็นโปรแกรมหรือเครื่องมือสำคัญตัวหนึ่งในการใช้งาน การดาวน์โหลดไฟล์อย่างมาก ยิ่งใครที่ยังใช้ความเร็วอินเตอร์เน็ตที่ไม่สูงมากนัก ซึ่งความเร็วในการอัพ-ดาวน์นั้น อาจจะอยู่ที่ระดับต่ำถึงปานกลาง บางครั้ง บางเวลา หรือบางเว็บ เมื่อคุณเข้าไปดาวน์โหลดไฟล์แล้ว ถ้าความเร็วอินเตอร์เน็ตคุณไม่แรงพอ คุณจะถูกตัด Connection นั้นไปเลย(เคยเจอในบางเว็บ) หรือคุณยังดาวน์โหลดไฟล์ไม่แล้วเสร็จ แต่ต้องการที่จะปิดเครื่อง โปรแกรมจัดการ การดาวน์โหลดไฟล์ที่จะกล่าวต่อไปนี้แหล่ะครับ ช่วยคุณได้!!!

วันนี้ผมเลยเอาโปรแกรมจัดการ การดาวน์โหลดไฟล์ 8 ตัว ฟรีๆ มาฝากกัน มีตัวไหนบ้าง เป็นอย่างไร ไปดูกันเลยครับ :-

  • Download Accelerator Plus (หรือเรียกสั่นๆว่า "DAP") ครับ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณนึกถึงเครื่องมือหรือโปรแกรมจัดการดาวน์โหลดไฟล์ ชื่อของ DAP จะเป็นชื่อที่คุณ(ผม)นึกถึงอยู่ในอันดับต้นๆเลย ทั้งนี้อาจจะเนื่องมาจากเจ้า DAP นี้ เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่เป็นนิยมและรู้จักกันอย่างกว้างขวางมากตัวหนึ่ง แถมด้วยการโอ้อวดว่าสามารถเร่งความเร็วในการดาวน์โหลดได้มากกว่าเครื่องมือโปรแกรมจัดการดาวน์โหลดไฟล์ตัวอื่นถึง 400% (โอ้แม่เจ้า อะไรจะขนาดนั้น !!!) ใครอยากรู้ว่าเป็นจริงดังโม้หรือปล่าว ลองดาวน์โหลดไปใช้งานกันดูนะครับ



  • Free Download Manager เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือหรือโปรแกรมจัดการดาวน์โหลดไฟล์ที่มีประสิทธิภาพมากอีกตัวหนึ่ง ใช้งานง่ายและเป็นของฟรีจริงๆ เพราะมันเป็น Open-Source ด้วย แถมด้วยความสามารถในการดาวน์โหลดไฟล์วิดีโอจากเว็บที่ให้บริการแชร์ แลกเปลี่ยนวิดีโออีดด้วย



  • FlashGet หนึ่งในผู้นำของเครื่องมือหรือโปรแกรมจัดการดาวน์โหลดไฟล์ และนำเทคนิคในเรื่องของ MHT(Multi-server Hyper-threading Transportation) มาปรับใช้ด้วย อีกทั้งยังสามารถรองรับการดาวน์โหลดไฟล์ได้หลากหลายโปรโตคอล รวมถึงformat ของไฟล์หรือเอกสารที่ดาวน์โหลดด้วย นอกจากนี้ยังแถมด้วยการรันโปรแกรมเช็ค ตรวจสอบไวรัสจากไหล์ที่ดาวน์โหลดเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย



  • DownloadThemAll สำหรับสาวก Firefox เครื่องมือจัดการดาวน์โหลดตัวนี้ผมของแนะนำเลยครับ เพราะมันเป็น Extension add-on ตัวหนึ่งของ Firefox ที่มีประสิทธิภาพอีกตัวหนึ่ง ใช้งานง่าย ใช้ Firefox พ่วงโปรแกรมจัดการดาวน์โหลดไฟล์ด้วย คุณสมบัติที่สำคุญอีกอย่างหนึ่งคือ มันสามารถลิงค์ไฟล์ รูปภาพ ทุกอย่างในเว็บเพจนั้นๆ นอกจากนี้คุณทำการตั้งเงื่อนไขหรือ Criteria สำหรับการเลือกดาวน์โหลดสิ่งต่างๆในหน้าเว็บเพจนั้นๆได้ด้วย เช่น เอาเฉพาะรูปภาพ, ไฟล์เพลง หรือคลิปวิดีโอ เป็นต้น



  • Fresh Download เป็นเครื่องมืออีกตัวที่ใช้งานง่าย สามารถดาวน์โหลดไฟล์จากอินเตอร์เน็ตได้เร็วมาก เช่นไฟล์จำพวก freeware, shareware, ไฟล์เพลง mp3, ไฟล์หนัง movie คลิปต่างๆ, รูปภาพและอื่นๆ



  • TrueDownloader อีกหนึ่งเครื่องมือจัดการดาวน์โหลดไฟล์และปรับแต่งค่าการดาวน์โหลดที่เป็น Open-Source มี feature เจ๋งๆ หลายอย่าง เช่น Pause/Resume ดาวน์โหลด, จำลองการเชื่อมต่อและการดาวน์โหลด, ปรับแต่งค่าการดาวน์โหลด อีกทั้งยังรองรับการดาวน์โหลดผ่าน FTP และ HTTP อีกด้วย แถมความเร็วในการดาวน์โหลด ไม่แพ้ที่กล่าวมาแล้ว



  • ConnectFusion เป็นเครื่องมือจัดการดาวน์โหลดไฟล์และปรับแต่งค่าการดาวน์โหลดอีกตัวหนึ่ง ที่แตกต่างไปจากที่กล่าวมาแล้ว คือ เป็น web spider และ email extractor ในตัว เป็นอีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจ ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพมากอีกตัวหนึ่ง



  • Star Downloader และที่อีกหนึ่งเครื่องมือจัดการดาวน์โหลดไฟล์ ที่จัดการ และสามารถตัด(split)ไฟล์ ออกเป็นส่วนย่อยๆ ไปพร้อมกับการดาวน์โหลดไฟล์ ซึ่งความเร็วในการดาวน์โหลดจะเพิ่มขึ้นตามไซต์(เสมือน)ที่ให้บริการดาวน์โหลดไฟล์ที่มีความเร็วสูงที่สุด ในบรรดา Mirorr site อื่นๆ ที่ให้ดาวน์โหลดไฟล์เดียวกัน


เป็นยังไงกันบ้างครับ หมดครบทั้ง 8 ตัวแล้วครับ ตอนนี้ในเครื่องผมติดตั้ง FlashGet, DownThemAll เอาไว้ใช้งานอยู่ แล้วคุณหล่ะครับ??? ใช้เครื่องมือจัดการดาวน์โหลดไฟล์ตัวไหนอยู่กันบ้าง  :)

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ฟรี 10 สุดยอด Youtube Utilities(ที่คุณต้องมี)!!!

สวัสดีครับ หายหน้าหายตาไป 1 วันเต็มๆ เนื่องจากติดธุระด่วน และไม่ได้เข้าใช้งานอินเตอร์เน็ตเลย วันนี้กลับมาแล้วครับ กลับมาพร้อมบทความ "ฟรี 10 สุดยอด Youtube Utilities(ที่คุณต้องมี)!!!"

สำหรับคอ Youtube หรือใครที่เล่น Youtube อยู่อาจจะรู้มาบ้างแล้วว่า จะต้องมีโปรแกรมหรือยูทิลิตี้ตัวไหนที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการดู/เล่นวิดีโอจาก Youtube ซึ่งอาจจะใช้ได้ทั้งที่ดูผ่านอินเตอร์เน็ตหรือแบบ offline นั่นคือใช้โปรแกรมประเภทแปลงไฟล์ แปลง format และ/หรือ ดาวน์โหลดวิดีโอ เอาลงมาเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ มือถือ หรือ ipod เป็นต้น

จากที่กล่าวไปแล้ว นั่นคือที่มาของบทความวันนี้ครับ วันนี้ผมจะมาแนะนำ 10 สุดยอดโปรแกรม เว็บไซต์ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการแปลงไฟล์ แปลง format และ/หรือ ดาวน์โหลดวิดีโอจาก Youtube มาเก็บไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ มือถือ หรือ ipod ของคุณ มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยครับ :-

  • มา convert ไฟล์แบบออนไลน์ผ่านเว็บกับ Anjo.to กันดีกว่า


สำหรับเว็บไซต์ตัวนี้ เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการ convert ไฟล์(แปลงไฟล์ format) แบบออนไลน์ผ่านเว็บ ซึ่งคุณสามารถทำการ Convert Youtube Videos ไปเป็น .flv, .3gp, .mp4, .mp3(เฉพาะที่เพลง), .mov , .AVI เมื่อ Convert แล้ว คุณสามารถดาวน์โหลดและส่งไฟล์ผ่านเมล์ถึงตัวคุณเองได้ด้วย

วิธีการ Convert ก็ง่ายๆ เพียงแค่คุณเข้าไปที่เว็บ Anjo.to จากนั้นก็ทำการ copy URL ของ Youtube Videos ที่คุณต้องการ แล้ววางลงในช่อง URL ในเว็บ Anjo.to จากนั้น Enter แล้ว คลิกที่ลิงค์ Download Video หรือสามารถดูวิธี Instructions ได้ในเว็บ Anjo.to

  • เร่งความเร็ว เพิ่มช่องทางในการดู/ดาวน์โหลด Youtube Videos ด้วย SpeedBit Video Accelerator


สำหรับเจ้า SpeedBit Video Accelerator เป็นโปรแกรมอีกตัวที่ช่วยในการเร่งความเร็ว เพิ่มช่องทางในการดู/ดาวน์โหลด Youtube Videos ซึ่งสามารถทำงานควบคู่ไปพร้อมกับ SpeedBit Download Accelerator ได้ด้วยครับ

ครับ สำหรับสาวก Firefox หรือที่เราเรียกกันว่า หมาย่าง หมาไฟ จิ้งจอกเพลิง นั่นแหล่ะครับ เราก็สามารถใช้ Add-on ที่ชื่อว่า Media Pirate ซึ่งเป็นโปรแกรมช่วยในการดาวน์โหลด Youtube Videos นอกจากนั้นยังสามารถดาวน์โหลดวิดีโอจาก Dailymotion.com, MyVideo.de, Break.com และ LiveVideo.com ได้ด้วยนะครับ

  • มา รีมิกซ์ Youtube Videos ด้วย Youtube Remixer กันดีกว่า


สำหรับตัวนี้ เป็นบริการตัวใหม่ที่ทาง Youtube มีไว้ให้กับสมาชิกของเว็บ Youtube โดยเฉพาะครับ ทำให้คุณสามารถทำการแก้ไข เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง Youtube Videos ของคุณเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้บริการตัวนี้ได้นำเทคโนโลยีของ Adobe Premiere Express มาใช้ด้วยครับ

ครับ เมื่อดาวน์โหลดไฟล์ Youtube Videos มาลงที่เครื่องแล้ว เราก็จำเป็นต้องมี FLV Player ซึ่งเป็นโปรแกรมดูวิดีโอ เอาไว้สำหรับดูไฟล์วิดีโอที่เครื่องของเรานั่นเองครับ

  • มาดู Youtube Videos ด้วย  YouPlayer(Firefox extension) กันไหม?


ใครที่ใช้ Firefox อยู่เป็นนิจคงจะพลาด Extension ตัวนี้ไม่ได้ครับ เพราะวันนี้เราสามารถใช้ Firefox ดูไฟล์ Youtube Videos ได้แล้ว โดยเราสามารถ bookmarks และ drag-and-drop ลิงค์วิดีโอของ Youtube มาเล่นได้เลยครับ

  • ดาวน์โหลดวิดีโอด้วย Orbit Downloader กันเถอะ


ครับ นี่ก็เป็นโปรแกรมสำหรับดาวน์โหลดวิดีโอได้จากหลายๆเว็บไซต์นะครับ โดยเมื่อคุณติดตั้งโปรแกรมลงที่เครื่อง แล้วเข้าไปเว็บ Youtube แล้วเปิดดูวิดีโอซักตัว จากนั้นเอาเม้าส์ไป over อยู่บนหน้าจอวิดีโอ คุณจะเห็น context menu GetIt ที่ให้คลิกเพื่อดาวน์โหลดวิดีโอที่คุณชื่นชอบได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว

เจ้า Youtube Uploader ก็เป็นโปรแกรมฟรีอัพโหลดวิดีโออีกตัว ที่ทาง Youtube มีไว้ให้สมาชิก ใช้ในการอัพโหลดวิดีโอขึ้นสู่เว็บ Youtube ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่จะเป้นต้องเข้าเว็บ Youtube เลย

  • Free Convert Videos Online อีกตัวกับ Convert Tube


อีกตัวกับเว็บที่ให้บริการ Free Convert Videos Online และสามารถดาวน์โหลดลงที่เครื่องคอมพิวเตอร์ PC แล้วสามารถเอาไปเล่นได้ทั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ PC, ipod, PSP, iphone และโทรศัพท์มือถือของคุณได้อีกด้วย

  • มาแปลงไฟล์วิดีโอ Youtube ไปเป็นไฟล์ format อื่นๆ ด้วย DVDVideoSoft


ครับ อันนี้ก็เป็นอีกตัวที่ใช้ในการ Convert ไฟล์ แปลงไฟล์อีกตัวที่ร้องรับได้หลาย format ได้แก่ ipod, iphone, mobile และอื่นๆ เช่นเดียวกัน

  • แถมอีกตัว เว็บ vConvert สำหรับ Convert ไฟล์ แปลงไฟล์วิดีโอของ youtube ไปเป็น format ต่างๆ ได้เช่นเดียวกับเว็บ Convert ไฟล์ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น (เผื่อเอาไว้เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งครับ)


ลองเอาไปใช้งานกันดูนะครับ ใช้งานเป็นอย่างไร ชอบตัวไหน อย่าลืมแวะมาบอกกล่าวกันบ้างนะครับ :)

วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ฟรี 5 สุดยอดโปรแกรมแปลงไฟล์ PDF (Free Top 5 PDF Converters) !!!

สวัสดีครับ วันนี้มาแนะนำสุดยอดโปรแกรมแปลงไฟล์ PDF(Portable Document Format) 5 ตัว ไปใช้กันฟรีๆ เลยครับ มีตัวไหนบ้าง ไปดูกันเลยครับ

  • PrimoPDF- PrimoPDF เป็นหนึ่งในโปรแกรมแปลงไฟล์PDF ที่ดีที่สุดอีกตัวหนึ่ง สามารถแปลงไฟล์จากกว่า 300 รูปแบบไฟล์ อีกทั้งยังสามารถปรับแต่ง เพื่อการพิมพ์ การแสดงผลบนหน้าจอ และการสร้าง E-Book หรือออกแบบหนังสือ ได้อีกด้วย สามารถดาวน์โหลดได้ที่ลิงค์ Download PrimoPDF

  • BullZip - BullZip เป็น PDF Printer Driver ที่ทำงานได้คล้ายกับ Microsoft Windows Printer Driver ที่สามารถทำการแปลงไฟล์PDF ได้ เป็นโปรแกรมฟรีสำหรับการใช้งานส่วนบุคคล แต่ ถ้าใช้เป็นแบบ Commercial ได้แค่ 10 users เท่านั้นนะครับ สามารถดาวน์โหลดได้ที่ลิงค์ Download BullZip

  • PDF Creator- PDF Creator เป็น Virtual Printer Driver ที่สามารถทำการสร้างไฟล์ PDF ได้จากไฟลืเอกสารทั่วไป ไฟล์ spreadsheets, presentations, emails, websites และ virtual ไฟล์ทั่วไป ที่สามารถพิมพ์ได้ ทั้งนี้เมื่อติดตั้งลงไปแล้วสามารถใช้งานได้ทันทีกับโปรแกรมบน Windows ทั่วๆไป สามารถดาวน์โหลดได้ที่ลิงค์ Download PDF Creator

  • doPDF- doPDF เป็น virtual PDF printer driver ทั้งนี้หลังจากติดตั้งลงไปแล้ว คุณจะเห็นอยู่ที่ Printers and Faxes ซึ่งการแปลงไฟล์PDF นั้น ก็แค่เลือก doPDF Printer เพื่อแปลงไฟล์ PDF สามารถดาวน์โหลดได้ที่ลิงค์ Download doPDF

  • PDF995- PDF995 เป็นโปรแกรมที่ง่ายและสะดวก สำหรับการแปลงไฟล์PDF ง่ายๆ เพียงแค่เลือกเมนูคำสั่ง "print" จากโปรแกรมใดๆ คุณก็สามารถแปลงไฟล์PDF ได้แล้วครับ สามารถดาวน์โหลดได้ที่ลิงค์ Download PDF995


ลองดาวน์โหลดโปรแกรมแปลงไฟล์ PDF เหล่านี้ไปใช้กันดูนะครับ หรือถ้าใครมีโปรแกรมฟรีตัวไหนอีก แนะนำกันได้นะครับ :)

วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

มาฟังนิทานเรื่อง "ชาวนากับลาแก่" กันครับ!!!

Donkey Pictureณ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีชาวนาคนหนึ่งเลี้ยงลาไว้ตัวหนึ่งซึ่งแก่มากแล้ว
วันหนึ่งชาวนาได้พาเจ้าลาแก่ออกไปข้างนอก
ด้วยความโง่เขลาของมันดันเดินซุ่มซ่ามไปตกบ่อแห่งหนึ่ง
มันร้องครวญครางเป็นเวลาหลายเพลา
ชาวนาเองก็พยายามใคร่ครวญหาวิธีที่จะช่วยมันขึ้นมา
ในที่สุดชาวนาหวนคิดขึ้นมาได้ว่า เจ้าลาก็แก่เกินไปแล้ว
อีกอย่างบ่อนี้ก็ต้องกลบ ไม่คุ้มที่จะช่วยเจ้าลา
ชาวนาจึงไปขอแรงชาวบ้านเพื่อมาช่วยกลบบ่อ
ทุกคนใช้พลั่วตักดินสาดลงไปในบ่อ
ครั้งแรกเมื่อดินไปถูกหลังลามันตกใจ และรู้ชะตากรรมของตนทันที
มันร้องโหยหวนทันที สักพักหนึ่งทุกคนก็แปลกใจที่เจ้าลาเงียบไป
หลังจากที่ชาวนาตักดินใส่ไปในบ่อได้สักสองสามพลั่วก็เหลือบมองลงไปในบ่อ
ก็พบกับความประหลาดใจที่ว่า ทุกครั้งที่ทุกคนสาดดินไปถูกหลังลา
ลามันจะสะบัดดินออกจากหลังแล้วก้าวขึ้นไปเหยียบบนดินเหล่านั้น
ยิ่งทุกคนพยายามเร่งระดมสาดดินลงไปมากเท่าไรมันก็ก้าวขึ้นมาได้เร็วมากยิ่งขึ้น
ในไม่ช้าทุกคนต่างประหลาดใจที่เจ้าลาสามารถหลุดพ้นจากปากบ่อดังกล่าวได้

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ชีวิตนี้อุปสรรคต่างๆที่ถาโถมเข้ามาหาเราก็เปรียบเสมือนดินที่สาดเข้ามาหาเรา
จงอย่าท้อถอยและยอมแพ้จงแก้ไขมัน เพื่อที่เราจะได้เหยียบมันเพื่อที่จะก้าวสูงขึ้นเรื่อยๆ
เปรียบเสมือนลาแก่ที่หลุดพ้นจากบ่อได้ฉันใดฉันนั้น


อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้ามไป

เป็นกำลังใจให้กับทุกๆคน ที่เจออุปสรรคจะมากบ้าง หรือน้อยบ้าง จงทำให้ดีก็แล้วกัน

ที่มา:F/W Mail

Google Ping for Sitemap Submission วันนี้คุณ ping แล้วหรือยัง?

นอกจาการซับมิท sitemap กับ google webmaster tools แล้ว การ ping ยังมีส่วนช่วยให้ index ได้เร็วขึ้นอีกวิธีหนึ่ง

วิธีการดังนี้

สมมุติผมมี sitemap อยู่แล้วชื่อว่า

http://www.onlineshoppingmalls.co.uk/sitemap.xml

เราก็เอามาปิงดังนี้คือ

google
http://www.google.com/webmasters/sitemaps/ping?sitemap=http://www.onlineshoppingmalls.co.uk/sitemap.xml

อธิบายเพิ่มเติม
ก็คือเอา http://www.google.com/webmasters/sitemaps/ping?sitemap= ไปไว้ข้างหน้า sitemap นั่นเอง แล้วก็เอาทั้งหมดไปวางในช่อง address แล้วก็กด enter

แล้วก็รออีกปีหนึ่ง แล้วแต่เน็ตใครเร็วใครช้า

ถ้ามันขึ้น

Sitemap Notification Received

Your Sitemap has been successfully added to our list of Sitemaps to crawl. If this is the first time you are notifying Google about this Sitemap, please add it via http://www.google.com/webmasters/tools/ so you can track its status. Please note that we do not add all submitted URLs to our index, and we cannot make any predictions or guarantees about when or if they will appear.

แสดงว่า เสร็จแระ   ขยิบตา

อันนี้ของ Yahoo

http://api.search.yahoo.com/SiteExplorerService/V1/updateNotification?appid=MicrosysProgramSER&url=http://www.onlineshoppingmalls.co.uk/sitemap.xml

ของ ask

http://submissions.ask.com/ping?sitemap=http://www.onlineshoppingmalls.co.uk/sitemap.xml

ของ moreover
http://api.moreover.com/ping?u=http://www.onlineshoppingmalls.co.uk/sitemap.xml

ของ live
http://webmaster.live.com/ping.aspx?siteMap=http://www.onlineshoppingmalls.co.uk/sitemap.xml

หลักๆ ก็มีแค่นี้แหละ
ผลจากการปิงแล้ว yahoo กับ live พากัน index เว็บผมเพิ่มขึ้นอีกบานเลย มากกว่าของ google อีก ลองไปทำๆ ดูเน่อ  ขยิบตา


อ่านแล้วจะไม่ขอบคุณกันหน่อยเหรอครับ เห็นเข้ามาอ่านกันตั้งเยอะ  ฮืม หรือว่ารู้กันแระ
ตกใจ

ขอบคุณครับ

ที่มา: http://www.thaiseoboard.com

ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ…ภัยเงียบของคนทำงาน!!!

หนุ่มสาววัยทำงานเกือบทุกคนคงต้องเคยเผชิญ กับการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เช่นปวดคอ บ่า ไหล่ สะบัก หรือหลัง ถ้าอาการดังกล่าวสามารถหายได้ภายใน 2-3 วัน เมื่อพักผ่อน ทายา หรือทานยา อาการปวดดังกล่าว ก็ไม่เป็นปัญหา

แต่ถ้าอาการปวดเป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีการเพิ่มความรุนแรงและความถี่ขึ้นเรื่อยๆ ให้สงสัยได้เลยว่าคุณได้มีอาการ ของ ”โรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง หรือ Myofascial Pain Syndrome” แล้ว ซึ่งหากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา ให้ถูกวิธี จะทำให้มีอาการมากขึ้น จนเกิดโรคอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น โรคปวดศีรษะเรื้อรัง โรคไมเกรน โรคความดัน โลหิตสูง อาการนอนไม่หลับ กล้ามเนื้ออ่อนแรง โครงสร้างร่างกายผิดปกติ เป็นต้น



แพทย์อายุรเวท แวร์สมิง แวหมะ แพทย์อายุรเวทประจำศูนย์รักษาไมเกรน และโรคปวดเรื้อรัง Doctor Care ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังว่า ปัจจุบันมี ประชากรกว่าร้อยละ 30 มีปัญหาเรื่องโรคปวดเรื้อรัง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ทำงานในสำนักงาน ที่ต้องนั่งทำงานและใช้ คอมพิวเตอร์นานๆ โดยสาเหตุที่ทำให้มีการปวดมีอาการเรื้อรัง เกิดจากการหดเกร็ง สะสมของกล้ามเนื้อ จนเป็นก้อนเล็กๆ ขนาด 0.5-1 ซม. ที่เรียกว่า Trigger Point หรือจุดกดเจ็บ จำนวนมาก ซ่อนอยู่ในกล้ามเนื้อและเยื่อ พังผืด การเกิด Trigger Point ทำให้กล้ามเนื้อนั้นขาดเลือดและออกซิเจน เข้าไปเลี้ยง จนทำให้เกิดการอักเสบ และเกิดการเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณที่มี Trigger Point โดยการอักเสบ ของ Trigger Point จะส่งอาการปวดไปที่กล้ามเนื้อบริเวณจุดรวมของ Trigger Point และบริเวณใกล้เคียง

การรักษาด้วย การทานยา ทายา การนวด หรือการใช้ความร้อน เพียงทำให้กล้ามเนื้อส่วนบนมีการ คลายตัว แต่ไม่สามารถสลายจุด Trigger Point ได้ ดังนั้นอาการปวดเพียงดีขึ้นชั่วคราว หลังจากนั้น 2-3 วัน ก็จะกลับมาปวดอีก เนื่องจากยังมีการอักเสบของจุด Trigger Point ภายในกล้ามเนื้อและเยื่อพังพืดยังมีอยู่

อาการที่แสดงออกเด่นชัดของโรคกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง คือ

  1. มีอาการปวดร้าวลึกๆ ของกล้ามเนื้อ ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย โดยอาจปวดตลอดเวลา หรือปวดเฉพาะเวลาทำงาน

  2. ความรุนแรงของการปวด มีได้ตั้งแต่แค่เมื่อยล้าพอรำคาญ จนไปถึงปวดทรมานจนไม่ สามารถขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ปวดได้

  3. บางกรณีมีอาการชา มือและขาร่วมด้วย

  4. บางรายมีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง อาการนอนไม่หลับ

  5. มีอาการผิดปกติของโครงสร้างร่างกาย เช่นไหล่สูงต่ำไม่เท่ากัน หลังงอ คอตก ขาสั้นยาวไม่เท่ากัน


ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง คือ

  1. ท่านั่งทำงานที่ไม่เหมาะสม

  2. ลักษณะงานที่ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวต่อเนื่องนานๆ เช่นการใช้คอมพิวเตอร์

  3. การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อซ้ำๆ

  4. การทำงานที่มีการใช้กล้ามเนื้อท่าเดียวกันซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง

  5. การทำงานของกล้ามเนื้อมากเกินไป ขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ

  6. การขาดดูแลและการบริหารกล้ามเนื้อ


ในปัจจุบัน การรักษาโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง หรือ MPS สามารถรักษาได ้ โดยวิธีการรักษา ที่เรียกว่า “Trigger Point Therapy” ซึ่งใช้การรักษาเพียงอาทิตย์ละครั้ง ประมาณ 4-6 ครั้ง ก็สามารถทำให้อาการปวดเรื้อรังที่รบกวนอยู่ทุกวันหายได้

หลักในการรักษาแบบ Trigger Point Therapy คือ

  1. ลดอาการปวดที่เกิดจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ

  2. รักษาที่สาเหตุของการปวดแบบเรื้อรัง โดยการสลาย Trigger Point

  3. ป้องกันการกลับมาของ Trigger Point โดยการให้ความรู้ในการทำงานที่ถูกต้อง และการดูแลกล้ามเนื้ออย่างถูกวิธี


การรักษาแบบ Trigger Point Therapy แบ่งการรักษาออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ

  1. การสอบถามประวัติการปวด และตรวจหาจุด Trigger Point ที่ซ่อนอยู่ในกล้ามเนื้อและเยื่อพังพืด

  2. การทำให้กล้ามเนื้อส่วนบนเหนือ Trigger Point ที่มีการหดเกร็ง คลายตัวลงเพื่อลดอาการปวด

  3. เมื่อการเกร็งคลายลง แพทย์จะใช้การกดจุด กดไปที่จุด Trigger Point ที่อยู่ในบริเวณที่ปวด เพื่อทำให้เกิดการคลายตัว และเพื่อนำเลือดและออกซิเจน ไปที่จุด Trigger Point เพื่อลดการอักเสบ


หลังการรักษา 4-6 ครั้ง จุด Trigger Point จะคลายตัวลง เป็นกล้ามเนื้อปกติ จนไม่สามารถใช้มือตรวจเจอได้ จะทำให้วัฐจักรการปวดสิ้นสุดลง

อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้โรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง กลับมาเป็นอีก ผู้ป่วยต้องดูแลและบริหาร กล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง และมาพบแพทย์อายุรเวทเพื่อตรวจสภาพกล้ามเนื้อ ปีละครั้ง ก็จะทำให้ห่างไกลจากโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง

สนใจสอบถามข้อมูลการรักษาโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง และโรคไมเกรน ได้ที่ คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ DOCTOR CARE โทร 02-677 7552-3 หรือ 02 320 0013- 4 www.drcareclinic.com

ที่มา: http://it.siamhost4u.com

วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

จัดสิ่งแวดล้อมหน้าจอคอมพ์ ช่วยสุขภาพดี-ทำงานมีสุข!!!

สวัสดีครับ ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทและเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ทั้งในฐานะที่เป็นอุปกรณ์ทำงาน ใช้หาความรู้และความสนุกสนานเพลิดเพลิน ซึ่งคอมพิวเตอร์นั้นมีประโยชน์อยู่มากมาย แต่ก็มีสิ่งที่ต้องควรระวัง ในการใช้งานเพราะจะส่งผลต่อสุขภาพ ร่างกาย และที่สำคุญคือสุขภาพของดวงตาของผู้ใช้ครับ

วันนี้เลยเอาเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับการทำงานที่ต้องอยู่หน้าจอคอมพ์นานๆ
หรือบ่อยๆมาเล่าสู่กันฟัง ว่าต้องทำอย่างไร
จะจัดสิ่งแวดล้อมหน้าจอคอมพ์อย่างไรบ้าง

eye's health

สัปดาห์ที่แล้วทราบสาเหตุของกลุ่มอาการคอมพิวเตอร์ วิชั่น ซินโดรม (CVS) กันไปแล้ว คราวนี้มาว่ากันต่อถึงวิธีการแก้ไข

ในเรื่องนี้ คุณอมรรัตน์ ขยันการนาวี บอกในจดหมายข่าวสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา พอสรุปหลักใหญ่ใจความได้ว่า ในเมื่ออาการคอมพิวเตอร์ วิชั่น ซินโดรม เกิดจากการใช้งานคอมพิวเตอร์ ดังนั้น ก็จะต้องจัดรูปแบบการทำงานกับมันให้เหมาะสม นั่นก็คือ

ถ้าจะต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันนานเกินไป ให้กะพริบตาบ่อยขึ้น หรือพักสายตาจากคอมพิวเตอร์เป็นระยะๆ เช่น หากทำงานหน้าจอ 20-30 นาที ควรหยุดพักสายตา 2-4 นาที แล้วค่อยลืมตาขึ้นมาทำงานใหม่

ควรจัดสิ่งแวดล้อม จัดแสงไฟและตำแหน่งจอภาพให้เหมาะสม อย่า ให้แสงปะทะกับจอภาพและตาผู้ใช้คอมพิวเตอร์ โดยวางคอมพิวเตอร์ให้ห่างจากตาประมาณ 45-50 เซนติเมตร และวางในระดับที่ต่ำกว่าสายตาประมาณ 10-20 องศา เพื่อจะได้ไม่ต้องเหลือบตาสูง

การปรับคลื่นแสงที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ส่วน ใหญ่จะปรับอยู่ที่ 60 Hz ระดับความถี่นี้จะทำให้เกิดแสงกะพริบ ทำให้ภาพบนจอเต้น ทำให้เราต้องปรับตาเพื่อโฟกัสใหม่ อยู่เรื่อย ทำให้เมื่อยล้าตา ทางที่ดีควรปรับความถี่ให้อยู่ระดับ 70-80 Hz จะทำให้จอภาพเต้นน้อยลง จะได้รู้สึกสบายตาขึ้น

กลุ่มอาการคอมพิวเตอร์ วิชั่น ซินโดรม นั้น เกิดขึ้นได้กับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกเพศทุกวัย อาการที่เกิดขึ้นมักไม่รุนแรง แต่อาจทำให้ประสิทธิภาพของงานลดลงได้ หากได้แก้ไขและจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมก็จะช่วยให้ ทำงานได้มีประสิทธิภาพ และทำงานอย่างมีความสุขได้ด้วย.

ที่มา: http://it.siamhost4u.com

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ปรับแต่งเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ ให้สะอาด เร็วและแรงด้วย CCleaner!!!

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาแนะนำโปรแกรม Utility สำหรับปรับแต่งเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ ให้สะอาด เร็วและแรง (กว่าโปรโมชั่นมือถืออีกครับ หุ หุ ) โดยตัวโปรแกรมนั้นเล็ก กะจิดริด แต่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพและประสิทธิภาพ และที่สำคัญ ฟรี ครับพี่น้อง

เกริ่นมาก็เยอะละ งั้นมาทำความรู้จักกับเจ้าตัวโปรแกรมนี้กันดีกว่านะครับ เจ้าโปรแกรมนี้มีชื่อว่า "CCleaner" ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่า เป็นผู้ทำความสะอาด มันเป็นโปรแกรมสำหรับทำความสะอาด Windows ของคุณ โดยการลบไฟล์ที่ไม่ได้ใช้ จำพวกไฟล์ Temp, ไฟล์ Temp Internet ต่างๆ รวมไปถึงการทำความสะอาด Registry Windows ของคุณ ซึ่งถือได้ว่า "Registry" นั้นเป็นหัวใจและฐานข้อมูลหลักของ Windows เลยก็ว่าได้ ซึ่งปัจจุบันจำนวนดาวน์โหลด มากกว่า 165 ล้านคน!!! แล้วครับ สามารถดาวน์โหลดได้ ฟรี ที่นี่ครับ  ยิ้ม

CCleaner Version v2.09.600 (2,851KB)
- http://www.filehippo.com/download_ccleaner/
- http://www.ccleaner.com/download/downloading
งั้นมาดูคุณสมบัติและการทำงานของมันกันดีกว่านะครับ

CCleaner Features: (แบบว่าไม่ได้แปลเป็นภาษาไทย ขออภัยครับ )

Cleans the following Windows components:
* Internet Explorer
- Temporary File Cache
- URL History
- Cookies
- Hidden Index.dat files
- Last download file location
* Firefox
- Temporary File Cache
- URL History
- Cookies
- Download manager
* Recycle Bin
* Clipboard
* Windows Temporary files
* Windows Log files
* Recent Documents (on the Start Menu)
* Run history (on the Start Menu)
* Windows XP Search Assistant history
* Windows XP old Prefetch data
* Windows memory dumps after crashes
* Chkdsk file fragments

Advanced Options allow cleaning of:
* Menu Order cache
* Tray Notifications Cache
* Window Size and Location Cache
* User Assist history
* IIS Log Files
* Custom Folders

Application Cleaning:
As well as cleaning up old files and settings left by standard Windows components, CCleaner also cleans temporary files and recent file lists for many applications. Including:

* Firefox, Opera, Safari, Media Player, eMule, Kazaa, Google Toolbar, Netscape, Microsoft Office, Nero, Adobe Acrobat Reader, WinRAR, WinAce, WinZip and more...

Registry Cleaning:
CCleaner uses an advanced Registry Cleaner to check for problems and inconsistencies. It can check the following:
* File Extensions
* ActiveX Controls
* ClassIDs
* ProgIDs
* Uninstallers
* Shared DLLs
* Fonts
* Help File references
* Application Paths
* Icons
* Invalid Shortcuts and more...

Safety:
CCleaner was designed from the ground to be safe and secure to use. It has multiple levels of checks in place to ensure that it cannot delete any useful information or documents you may still need. We also certify that it contains no Spyware or Adware.
High Security:
For the super cautious users we also offer secure file erasing. By overwriting the files before deleting them, making it impossible to recover the data.

Multiple Languages:
Thanks to the translators, CCleaner is available in 35 different languages:
English, Albanian, Arabic, Bosnian, Bulgarian, Catalan, Chinese (Simplified), Chinese (Traditional), Czech/Slovak, Danish, Dutch, Finnish, French, Galician, German, Greek, Hebrew, Hungarian, Italian, Japanese, Korean, Lithuanian, Macedonian, Norwegian, Polish, Portuguese, Portuguese (Brazilian), Romanian, Russian, Serbian Cyrillic, Serbian Latin, Slovak, Spanish, Swedish and Turkish.

น่าจะมีภาษาไทยบ้างนะเนี้ย กะลังคิดว่าจะเข้าไปทำให้เขาอยู่พอดีเลยครับ หุหุ เขาจะรับไหมน้ออ
ส่วนวิธีใช้งาน ก็แค่ดาวน์โหลดตามลิ้งค์ข้างต้นที่ผมให้ไป แล้วติดตั้งลงเครื่อง จากนั้นก็เรียกใช้งานตามปกติครับ
จบแล้วครับ ลองดาวน์โหลดไปใช้กันดูนะครับ วันหน้าจะหาของดีและฟรีมาให้ได้ใช้กันอีกนะครับ ยิ้มกว้างๆ

ที่มา: http://www.sapaan.net

ต่อไปมาดูประโยชน์ของ RFID กับการกระจายสินค้ากันครับ

โดย บริษัท อินเตอร์เมค เทคโนโลยีส์ คอร์ปอเรชั่น-ประเทศไทย



อาร์เอฟไอดี (Radio Frequency Identification : RFID) ถูกมองว่าเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต การใช้งานแถบป้าย (tag) อาร์เอฟไอดีส่วนใหญ่ในปัจจุบันจึงเน้นในเรื่องการช่วยเชื่อมโยงพันธมิตรทาง การค้าและสนับสนุนซัพพลายเชน แต่หากพิจารณาประโยชน์อาร์เอฟไอดี ผู้ผลิตควรมองไปที่กระบวนการดำเนินธุรกิจภายในไม่ใช่มองความต้องการให้สอด คล้องกับซัพพลายเชนของลูกค้าเท่านั้น
FRID for Logistic
อาร์เอฟไอดีเป็นส่วนประกอบหนึ่งของระบบ การนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้งานไม่ใช่มองเฉพาะการนำแถบป้ายอาร์เอฟไอดีไปใช้ แต่ต้องออกแบบโซลูชั่นอาร์เอฟไอดีจากกระบวนการทางธุรกิจที่มีให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการระบุขั้นตอนการแยกประเภทข้อมูล เก็บรวบรวมข้อมูล การสื่อสารและดำเนินการ

เทคโนโลยีอาร์เอฟไอดีได้รับการพัฒนาขึ้นมาใช้เพื่อติดตามเส้นทาง เดินของวัตถุดิบ ระบุ ตู้สินค้า และติดตามอุปกรณ์ สามารถควบคุมลำดับที่มาของสินค้า และสามารถติดตามและจัดการวัตถุดิบ ติดตามสินทรัพย์ คลังสินค้า และกระบวนการจัดการในโรงงานได้

บริษัท โอลด์ โดมิเนียน เฟรท ไลน์ส (โอดีเอฟแอล) ผู้ให้บริการขนสินค้า และโลจิสติกส์ที่มีศูนย์บริการ 117 แห่ง ทั่วอเมริกาเหนือ มีการนำอาร์เอฟไอดีไปใช้ในการจัดการกองทัพรถบรรทุก 2,600 คัน และสามารถสร้างแอปพลิเคชั่นที่ช่วยให้การขนถ่ายสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็วและ ใช้แรงงานน้อย

แถบป้ายอาร์เอฟไอดีถาวรจะติดตั้งอยู่ใน รถบรรทุก เมื่อรถบรรทุกเข้ามายังศูนย์บริการ เครื่องอ่านอาร์เอฟไอดีที่ประตูจะระบุตัวรถและแจ้งการมาถึงผ่านระบบแลนไร้ สาย จากนั้นผู้ดูแลจะกำหนดว่ารถคันไหนต้องไปเทียบท่าที่ใด โดยคนขับรถจะได้รับคำสั่งผ่านคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งภายในรถ ซึ่งจะทำหน้าที่รับข้อมูลจาก ผู้ควบคุมผ่านการเชื่อมต่อระบบแลนไร้สาย หลังจากนำระบบนี้เข้ามาใช้งานสามารถปรับปรุงกระบวนการขนส่ง ลดปัญหาความผิดพลาดในการขนถ่ายสินค้า และสามารถระบุตัวพนักงานขับรถได้อย่างเหมาะสม

ขณะที่บริษัทพาราเมาท์ ฟาร์มส ผู้ดำเนินการธุรกิจด้านถั่วในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นผู้จัดป้อนถั่วพิตาชิโอให้กับสหรัฐมากถึง 60% ได้นำระบบอาร์เอฟไอดีเข้ามาใช้ในการดำเนินงานควบคุมการผลิต เพื่อเพิ่มระดับความถูกต้อง ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวจะมีรถบรรทุกที่ไปรับ ถั่วพิตาชิโอและอัลมอนด์จากเกษตรกรเข้ามายังบริษัทราว 400 คันต่อวัน รถแต่ละคันจะบรรทุกถั่วที่มีน้ำหนัก 5 หมื่นตัน ซึ่งหมายความว่าจะมีถั่วจำนวน 20 ล้านปอนด์ ที่บริษัทต้อง คัดแยกและจัดการในแต่ละวัน

เครื่องอ่านอาร์เอฟไอดีที่ติดตั้งไว้ในโรงงานสามารถระบุรถบรรทุก ผ่านการชั่งน้ำหนักแล้วได้อย่างถูกต้อง โดยไอดีของรถบรรทุกและ น้ำหนักถั่วจะถูกส่งผ่านระบบแลนไร้สายไปยังคอมพิวเตอร์ส่วนกลางภายในศูนย์ ดำเนินงาน นอกจากนี้ บริษัทยังใช้คอมพิวเตอร์ไร้สายของบริษัทอินเตอร์เมคในการเก็บรวบรวมข้อมูล รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า

ตัวอย่างเช่น ปลูกที่ไหน วิธีการเก็บเกี่ยว และข้อมูลของผู้ปลูก โดยข้อมูลส่วนใหญ่ที่ถูกป้อนมาแล้วในบาร์โค้ด บริษัทเพียงแค่อ่านข้อมูลผ่านทางคอมพิวเตอร์พกพาและส่งต่อไปยังศูนย์ดำเนิน การเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลและจัดการคัดแยกเกรดสินค้า

จะเห็นได้ว่าบริษัทพาราเมาท์ และบริษัทโอดีแอฟแอล นำอาร์เอฟไอดีมาใช้ในการจัดการสินทรัพย์ที่มีข้อจำกัดด้านเวลาและมีต้นทุน สูง อาร์เอฟไอดีสามารถปรับใช้ได้ในหลายรูปแบบธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือ อุปกรณ์ วัสดุหรืองานในกระบวนการผลิต ตลอดจนการติดตามสินทรัพย์เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนในการลงทุนที่คุ้มค่า เนื่องจากแถบป้าย

อาร์เอฟไอดีสามารถถูกอ่านได้โดยไม่ต้องใช้คนงานจึงช่วยลดค่าใช้ จ่ายและเชื่อมั่นได้ถึงความถูกต้อง โดยเฉพาะเรื่องการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ที่จะถูกบันทึกโดยอัตโนมัติเมื่อผ่าน เครื่องอ่านอาร์เอฟไอดี หากมีการเคลื่อนย้ายที่ไม่ได้รับอนุญาต ระบบจะแจ้งเตือนให้ทราบ จากการศึกษาของบริษัทแอคเซ็นเจอร์ พบว่าระบบอาร์เอฟไอดีสามารถช่วยผู้ผลิตลดปัญหาสินค้าสูญหายได้ราว 10% และลดปริมาณสินค้าคงคลังได้ถึง 5%

อาร์เอฟไอดีช่วยให้องค์กรสามารถติดตามลำดับที่มาของสินค้าหรือช่วย ด้านการระบุอายุใช้งานได้ แอปพลิเคชั่นด้านการติดตามสามารถช่วยเพิ่มความสามารถให้กับอาร์เอฟไอดีได้ ด้วยการปรับปรุงข้อมูลสินค้าตลอดอายุขัย แท็กอาร์เอฟไอดีแบบอ่านและเขียนได้สามารถเก็บหมายเลขไอดีสินค้าและมีหน่วย ความจำเพิ่มเติมสำหรับบันทึกข้อมูลอื่นๆ ได้ในภายหลัง จะเห็นได้ว่าเมื่อมีการปรับปรุงแท็กสินค้าเป็นประจำ ข้อมูลต่างๆ จะใช้เป็นพื้นฐานในการการติดตามและระบุลำดับที่มาของสินค้า ได้จะช่วยประหยัดต้นทุนให้กับองค์กรได้ ในที่สุด

การทราบลำดับที่มาของสินค้าสามารถ ส่งเสริมการบริการ การดำเนินการส่งกลับและส่งคืนสินค้าได้ โดยบริษัทสามารถตรวจจับและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้ด้วยระบบอา ร์เอฟไอดี ข้อมูลไอดีสินค้าจะสามารถยืนยันได้ว่าสินค้าถูกส่งไปยังสถานที่ที่ถูกต้อง หรือไม่ นอกจากนี้การเชื่อมโยงหมายเลขชิ้นส่วนแต่ละรายการกับลูกค้ายังช่วยให้บริษัท สามารถเรียกคืนสินค้าได้เมื่อต้องการ

นอกจากนี้ อาร์เอฟไอดียังช่วยให้การสำรองวัตถุดิบหรือสินค้าเป็นเรื่องง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้ามีการเคลื่อนย้ายสินค้าออกจากชั้นวางไปแล้ว ระบบก็จะแจ้งไปยังฝ่ายจัดซื้อเพื่อให้มีการนำสินค้ามาวางเพิ่มเติม สิ่งนี้ช่วยให้องค์กรไม่จำเป็นต้องเก็บสต๊อกสินค้าไว้มากเกินจำเป็น ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากเนื่องจากองค์กรไม่จำเป็นต้องเสียค่าดูแลใน การจัดเก็บวัตถุดิบและสินค้า รวมถึงค่าเช่าพื้นที่ในการ จัดเก็บและแรงงานที่ต้องใช้อีกด้วย

ในหลายแอปพลิเคชั่น แถบป้ายอาร์เอฟไอดีทำหน้าที่เป็นกุญแจของระบบที่ใช้ปลดล็อกข้อมูลสินค้าจาก ฐานข้อมูล อาร์เอฟไอดีสร้างมูลค่าและให้ผลตอบแทนการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการปรับใช้ให้สอดคล้องกับระบบการทำงานที่มีอยู่ด้วย

เหตุผลหนึ่งที่แอปพลิเคชั่นของบริษัทโอดีเอฟแอล ประสบผลสำเร็จก็คือ การใช้ระบบแลนไร้สายและโครงสร้างพื้นฐานด้านการประมวลผลเคลื่อนที่ที่บริษัท มีอยู่แล้ว จะเห็นได้ว่ามีการปรับเปลี่ยนซอฟต์แวร์ให้สามารถรับข้อมูลจากตัวอ่านอาร์เอ ฟไอดีที่ประตู และ ส่งต่อข้อมูลนั้นไปยังผู้ปฏิบัติงาน เป็นการปรับปรุงกระบวนงานให้เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องแทนที่เทคโนโลยีที่มีอยู่ ทำให้ได้รับผลตอบแทนการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม แถบป้ายอาร์เอฟไอดีไม่ใช่สิ่งสำคัญรายการเดียว ยังต้องมีการใช้งานร่วมกับเครื่องอ่าน ซอฟต์แวร์และการรวมเข้ากับคอมพิวเตอร์ส่วนกลางผ่านการติดต่อไร้สาย แท็กอาร์เอฟไอดีแบบอ่านและเขียนได้สามารถใช้ซ้ำได้นับพันครั้ง พร้อมทั้งสามารถเข้ารหัสข้อมูลบนแท็กได้ การเปลี่ยนแปลงแอปพลิเคชั่นไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงฮาร์ดแวร์ เครื่องพิมพ์ป้ายผนึกที่ฉลาดสามารถใช้เข้ารหัสแถบป้ายอาร์เอฟไอดีได้อย่างต้องการ

ที่มา: http://www.rfid.in.th

วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

มาดูจุดเด่นของอาร์เอฟไอดี(RFID) กันต่อครับ

RFID TAG


RFID เป็นคำย่อมาจาก Radio Frequency identification หรือเทคโนโลยีการชี้เฉพาะด้วยคลื่นวิทยุอาร์เอฟไอดี เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 1980 เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่ระบบบาร์โคด ทำไม่ได้ อาร์เอฟไอดี เป็นระบบติดตามโดยอาศัยคลื่นวิทยุในการระบุหรือค้นหาวัตถุ ซึ่งจะมีการติดการโค้ดหรือชิปไว้บนวัตถุนั้น ๆ ชิปดังกล่าวจะส่งคลื่นวิทยุออกมาทำให้ทราบว่าสินค้าหรือวัตถุนั้น ๆ อยู่ที่ใด และมีการเก็บข้อมูลไว้ในเครือข่ายสามารถตรวจสอบได้



ทั้งนี้องค์ประกอบในระบบ RFID มี 2 ส่วนหลักคือ

1. แทกส์ (Tages) มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า Transponder, Transmitter & Responder เป็นฉลากที่ผนึกติดกับวัตถุ ใช้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุชิ้นนั้น โครงสร้างภายในแทกส์ประกอบด้วย ชิป และขดลวด ซึ่งทำหน้าที่เหมือนเสาอากาศที่คอยรับ-ส่งสัญญาณ แทกส์มี 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ Passive RFID Tags แทกส์ชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องรับแหล่งจ่ายไฟใดๆ เพราะมีวงจรกำเนิดไฟฟ้าเหนี่ยวนำขนาดเล็กเป็นแหล่งจ่ายไฟในตัวอยู่แล้ว ระยะการสื่อสารข้อมูลที่ทำได้สูงสุด 1.5 เมตร มีหน่วยความจำขนาดเล็ก (ทั่วไปประมาณ 32 – 128 บิต) มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ราคาต่อหน่วยต่ำ และ Active RFID Tags แท็กส์ชนิดนี้จะใช้แหล่งจ่ายไฟจากแบตเตอรี่ขนาดเล็ก มีหน่วยความจำภายใจขนาดใหญ่ได้ถึง 1 เมกะไบต์ มีระยะการสื่อสารข้อมูลที่ทำได้สูงสุดถึง 6 เมตรแม้ว่าแท็กส์ชนิดนี้จะมีข้อดีอยู่หลายข้อแต่ก็มีข้อเสียอยู่ด้วยเหมือน กัน เช่น มีราคาต่อหน่วยแพง มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีระยะเวลาในการทำงานที่จำกัด


2. เครื่องอ่าน (Reader) มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า Transceiver, Transmitter & Receiver หน้าที่ของเครื่องอ่านคือ การเชื่อมต่อเพื่ออ่านข้อมูลจากแทกส์



ส่วนจุดเด่นของอาร์เอฟไอดีที่สำคัญ คือ

1. การอ่านข้อมูลของฉลากที่ได้โดยไม่ต้องมีการสัมผัส


2. สามารถอ่านค่าได้แม้ในสภาพที่ทัศนวิสัยไม่ดี หรือสามารถอ่านค่าได้ในขณะที่วัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ เช่น สินค้าที่กำลังเคลื่อนที่อยู่บนสายพานการผลิต


3. ทนต่อความเปียกชื้น แรงสั่นสะเทือน การกระทบกระแทก


4. สามารถอ่านข้อมูลได้ถูกต้องรวดเร็ว


5. สามารถสื่อสารผ่านตัวกลางได้หลายอย่างเช่น น้ำ, พลาสติก, กระจก หรือวัสดุทึบแสงอื่นๆในขณะที่บาร์โค้ดทำไม่ได้


ที่มา: http://www.rfid.in.th

มาทำความรู้จักกับ RFID เทคโนโลยีแห่งอนาคตกันครับ

RFID




RFID (Radio Frequency Identification) คือ ระบบเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการคำนวณ และการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งส่งกำลังด้วยคลื่นแม่เหล็ก หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แทนการสัมผัสทางกายภาพ โดยมีการคาดการณ์กันว่าเทคโนโลยีดังกล่าว จะเข้ามามีบทบาทในการดำเนินธุรกิจ และการใช้ชีวิตประจำวันในระดับเดียวกับเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ ,อี-คอมเมิทสร์(e--commerce) หรือแม้กระทั่งระบบสื่อสารไร้สายเลยก็ว่าได้


ระบบดังกล่าวสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย อาทิ การค้าปลีก ,การค้าส่ง ,การผลิต ,การรักษาความปลอดภัย ,การทดแทนระบบบาร์โค้ด การเก็บประวัติ และติดตามสัตว์ เป็นต้น โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนในปัจจุบัน ได้แก่ บัตร Proximity ที่ใช้เป็นบัตรพนักงาน หรือเข้าออกสถานที่ และบัตรโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน เป็นต้น

ความสำคัญของ RFID จะเริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นเมื่อองค์การการค้าโลก หรือ WTO ประกาศใช้อย่างจริงจัง โดยสินค้าต่างๆจะกระจายไปทุกที่ทั่วโลก จะมีการแลกเปลี่ยนสินค้า และบริการมากมายชนิดที่เรียกว่าไม่เคยเป็นมาก่อน ในอนาคตสินค้าโอท็อป (OTOP) ของประเทศไทยอาจไปวางขายอยู่ที่ประเทศอเมริกา และสินค้าจากประเทศอื่นที่อาจไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนจะมาวางขายในกรุงเทพฯ สินค้านับล้านล้านชิ้นจะถูกส่งข้ามโลกผ่านเมืองท่าต่างๆ

เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ที่จะมีอิทธิพลต่อการค้ารูปแบบใหม่นี้จะ เป็นอื่นไม่ได้ นอกจากผู้ที่สามารถควบคุมระบบขนส่ง(Logistic) และสายการผลิต (Supply chain)ได้ ในเมื่อต่อไปเรื่องต้นทุน ,ความรวดเร็ว และความถูกต้อง จะกลายเป็นปัจจัยที่สำคัญในการแข่งขัน และการอยู่รอดในตลาดโลก เนื่องจากสินค้าจะต้องสามารถตรวจสอบได้ถึงที่มา ทั้งกระบวนการผลิต ตลอดจนถึงวิธีการผลิต โดยไม่เว้นแม้แต่สินค้าการเกษตร เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู หรือเนื้อไก่ ที่จะถูกส่งออกสู่ตลาดโลก จะต้องสามารถตรวจสอบถึงวิธีการเลี้ยง การให้วัคซีน การป้องกันโรคระบาด เพื่อผู้บริโภคจะมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและคุณภาพ

สิ่งที่จะสามารถตอบโจทย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบข้อมูลที่มาของสินค้า ผู้ผลิต สามารถบอกปลายทาง วันหมดอายุ ฯลฯ ทั้งหมดจะรวมอยู่ในเทคโนโลยีที่ถูกคาดการณ์ว่าเป็น 1 ใน 10 เทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคน นั่นคือ เทคโนโลยีที่เรียกว่า "RFID"

โดยมีการคาดการณ์กันว่าภายในปี 2551 ตลาดทางด้าน RFID จะมีมูลค่ารวมกันทั่วโลกสูงถึง 124,000 ล้านบาท ล่าสุดในต่างประเทศทั้งที่อเมริกา และยุโรป ยักษ์ใหญ่ทางด้านการขาย และการผลิตกำลังอยู่ในระหว่างทดสอบระบบดังกล่าว เพื่อใช้ในระบบการผลิต โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งานจริงในปี 2548 นอกจากนี้ประเทศสิงคโปร์ ผู้นำทางด้านการขนส่ง และเทคโนโลยี เตรียมทุ่มเงินประมาณ 2,320 ล้านบาทภายในปี 2549 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดีในประเทศ

นอกจากนี้ประเทศสิงคโปร์ยังได้นำเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี มาใช้ในการเชื่อมโยงท่าเรือระหว่างท่าเรือในประเทศ กับท่าเรือของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยเป็นรายแรกในทวีปเอเชีย ที่นำระบบดังกล่าวมาทดลองใช้ในการผนึกตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมดที่ส่งไปอเมริกา ตามมาตรฐานของ U.S. Container Security Initiative

ด้านการพัฒนาสิงคโปร์ยังได้มีการจัดกลุ่มบริษัท และองค์กรต่างๆภายในประเทศ มาร่วมมือกันทำงานเป็นกลุ่มเพื่อศึกษา และพัฒนาระบบดังกล่าว ซึ่งไม่เพียงแต่จะพัฒนาให้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค แต่ยังมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรด้านการบริหาร และปฏิบัติการด้านดังกล่าวออกมา เพื่อรองรับการนำไปใช้ในภาคธุรกิจในอนาคต

ลองหันกลับมามองที่ประเทศไทยบ้าง เทคโนโลยีอาร์เอฟไอดีถือว่ายังเป็นที่รู้จักไม่แพร่หลายมากนัก โดยจะมีแค่เพียงกลุ่มเฉพาะที่ดำเนินธุรกิจ และมีส่วนเกี่ยวข้องที่ต้องใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเท่านั้นที่รู้จัก นอกนั้นแทบจะไม่มีใครทราบเลยว่าเทคโนโลยีดังกล่าวคืออะไร ทั้งๆที่ในต่างประเทศกระแสดังกล่าวตื่นตัวอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเกษตรซึ่งเป็นสินค้าของประเทศไทย ปัจจุบันมีความตื่นตัวอย่างมากในการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช่ในการลงทะเบียน สัตว์

ไม่แน่เทคโนโลยี RFID อาจจะได้รับการตอบรับอย่างแพร่หลายในประเทศไทยก็ว่าได้ เป็นเพราะคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ได้อนุมัติคลื่นความถี่ย่ายยูเอชเอฟระหว่าง 920-925 เมกะเฮิรตซ์เพื่อนำไปใช้กับ RFID ซึ่งเป็นชิปที่ใช้ติดตัวสินค้าแทนบาร์โค้ด

ที่มา: http://www.rfid.in.th